- ข่าวสาร
พาส่องความเจ๋งของ Adobe Firefly กับพลังแห่ง AI ที่อาจพลิกวงการกราฟิก!
by Utech 391 Views
ถ้าพูดถึงสิ่งที่สามารถขับเคลื่อนวงการเทคโนโลยีในยุคนี้ได้อย่างก้าวกระโดดก็คงหนีไม่พ้น AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ และที่กำลังเป็นกระแสอย่างหนักในช่วงหลังมานี้คือการสั่งให้ AI สร้างสรรค์รูปภาพจากคำสั่งข้อความ โดยหลักการทำงานพื้นฐานจะใช้การดึงข้อมูลจากทั่วโลกโดยอิงจากคีย์เวิร์ดหรือไฟล์องค์ประกอบของผู้ใช้เป็นหลักเพื่อนำมาประกอบกันเป็นรูปภาพที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด โปรแกรมเมอร์ได้ทำการพัฒนาเครื่องมือเหล่านี้มาให้เราได้เลือกใช้กันมากมาย ทั้ง Stable Diffusion, Midjourney, และ DALL·E 2 ถึงอย่างนั้นทุกตัวที่กล่าวมาก็ยังมีข้อเสียอยู่ เช่น UI ที่เข้าถึงยาก ภาพที่ไม่สมจริง และอาจจะไม่เข้าใจคำสั่งในบางครั้ง
แต่วันนี้เรามีของเล่นใหม่จากตัวพ่อตัวแม่แห่งวงการ Creative จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Adobe ที่เพิ่งเปิดตัว Firefly ฟีเจอร์ใหม่รุ่น Beta ที่ใช้แกนหลักจากพลัง AI โดยมุ่งที่จะกลบข้อเสียจาก AI Tools ตัวอื่น ๆ ในตลาดตอนนี้ นอกจากข้อเสียที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ปัญหาหลักอีกอย่างคือการที่ AI เรียนรู้และดึงข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ดังนั้นภาพที่ AI สร้างสรรค์บางส่วนอาจจะมีการนำรูปภาพที่ติดลิขสิทธิ์จากศิลปินผู้อื่นมาใช้จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันไปหลายเคส Adobe จึงแก้ปัญหานี้ด้วยการฝึกให้ Firefly ใช้แต่คอนเทนต์ที่ถูกลิขสิทธิ์หรือเป็นสาธารณสมบัติเท่านั้น ผู้ใช้จึงไว้วางใจได้ว่าจะไม่โดนหมายศาลเรียกตัวแน่นอน!
นอกจากข้อดีเรื่องลิขสิทธิ์แล้ว สิ่งที่ Firefly นั้นได้เปรียบกว่าใครเพื่อนคือการมีโปรแกรมฐานหลักที่ Creators ระดับมืออาชีพเกือบทุกคนในโลกนี้ต้องใช้กันอยู่ทุกวัน นั่นก็คือ Adobe Photoshop เพราะภายในเดือนแรกที่ Adobe เปิดให้ใช้ Firefly ได้บนเว็บไซต์, Photoshop (Beta) และ Adobe Express ก็มีผู้ใช้เข้าไปสร้างสรรค์ผลงานกันมากกว่า 70 ล้านรูปเลยทีเดียว ในขณะเดียวกัน Adobe ก็ไม่หยุดพัฒนา ทำการติดต่อ Google เพื่อเตรียมความพร้อมขยายฐานข้อมูลให้กับ Firefly โดยควบรวมกับคลังความรู้ AI ของ Google เพื่อประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีที่สุด
จากที่เราได้ทดลองใช้ Adobe Firefly สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือ User Interface ที่ใช้งานง่าย แบ่งหมวดหมู่และตัวเลือกการใช้งานที่ชัดเจน มีแกลเลอรีรูปภาพจากคำสั่งแบบต่าง ๆ ให้ดูเป็นตัวอย่างว่าถ้าอยากสรรค์สร้างผลงานให้ได้สไตล์นี้ จะต้องใช้คำสั่งไปในทิศทางไหน ระบบการทำงานค่อนข้างรวดเร็วและแม่นยำ วันนี้เรามีตัวอย่างจากฟีเจอร์เด่น 2 ฟีเจอร์มาแนะนำ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย!

ฟีเจอร์ชูโรง Text to Image! สร้างสรรค์ผลงานสุดว้าวจากคำสั่งข้อความ!
Text to Image คือฟีเจอร์ที่จะช่วยให้คุณเปลี่ยนข้อความให้กลายเป็นรูปภาพได้ง่าย ๆ ตามชื่อฟีเจอร์ ถึงมันจะเป็นฟีเจอร์พื้นฐานที่ AI Tools ตัวก่อน ๆ ก็สามารถทำได้ แต่สิ่งที่ทำให้ Adobe Firefly นั้นได้เปรียบกว่าใครคือคลังข้อมูลขนาดใหญ่อย่าง Adobe Stock ที่ทาง Adobe เคลมไว้ว่าเป็นคลังภาพถูกลิขสิทธิ์ระดับมืออาชีพ จำนวนหลายร้อยล้านภาพที่มีคุณภาพสูงอันดับต้น ๆ ในตลาด และมั่นใจได้เลยว่า Firefly จะไม่ขโมยผลงานของศิลปินท่านอื่นหรือของแบรนด์แน่นอน จะสร้างสรรค์เพื่อใช้งานส่วนตัว หรือจะสรรค์สร้างเพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ ก็ปลอดภัยหายห่วงได้ทุกทาง

ในส่วนของวิธีการใช้งานก็แสนง่ายดาย เพียงเข้าไปในเว็บไซต์ firefly.adobe.com แล้วทำการ Log In ให้เรียบร้อย จากนั้นกดเข้าไปที่ฟีเจอร์ Text to Image จะเข้าสู่หน้าแกลเลอรีตัวอย่างผลงานจากคำสั่งในรูปแบบต่าง ๆ และมีช่องให้ใส่คำสั่งบริเวณขอบจอด้านล่าง วันนี้เราได้ลอง Generate ผลงานออกมา 2 รูป โดยในคำสั่งแรกเราอยากจะเห็นภาพ Landscape ของวังแบบไทยดั้งเดิม แต่พิเศษตรงที่อยากให้มีภูเขาฟูจิจากประเทศญี่ปุ่นอยู่ในพื้นหลังด้วย จึงเลือกใช้คำสั่งว่า “Thailand's Grand Palace with Fuji Mountain in the background” จากนั้นก็รอ AI ใช้เวลาประมวลผลไม่นานเกิน 10 วินาทีก็จะได้ภาพมาให้เลือกสูงสุด 4 ภาพ หากยังไม่มีภาพที่ถูกใจก็สามารถกดรีเฟรชเพื่อประมวลผลใหม่ได้เรื่อย ๆ

ในภาพที่สองเราอยากจะเห็นตลาดน้ำแบบไทย ๆ ที่มีวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารร่วมอยู่ในพื้นหลัง และอยากให้มีสไตล์ การลงสี และลายเส้นที่ให้อารมณ์ในรูปแบบ Anime ญี่ปุ่น จึงเลือกใช้คำสั่งว่า “Thailand's floating market with Wat Arun in the background (anime style)” และผลงานที่ได้ก็ถือว่าสวยงามเลยทีเดียว

Generative Fill ต่อเติมเสริมแต่งรูปภาพด้วย AI
อยากลบสิ่งที่ไม่ต้องการออกจากรูปภาพ? อยากเพิ่มองค์ประกอบภาพให้มากกว่านี้? อยากขยายรูปภาพออกมาให้กว้างกว่าเดิม? ทุกอย่างนี้สามารถทำได้ด้วย Generative AI ฟีเจอร์ Firefly แรกที่สามารถใช้งานได้แล้วบนโปรแกรม Adobe Photoshop Beta! วิธีการใช้งานก็ง่ายอีกแล้ว เพียงแค่ใช้ Selection Tool ไปวงบริเวณที่ต้องการแก้ไข แล้วพิมพ์คำสั่งให้แก้บริเวณนั้นในแบบที่ต้องการ!

โดยตัวอย่างที่เรานำมาใช้วันนี้เป็นภาพปกอัลบั้ม Speak Now (Taylor’s Version) ที่เป็นรูป Portrait ในระยะ Medium Close-Up แต่เราอยากเห็นรูปนี้ในแบบฉบับที่ขยายออกมาให้กว้างกว่าเดิมเป็นระยะ Medium Shot จึงเลือกคลุมพื้นที่รอบนอกแล้วใช้คำสั่ง “Fill the empty space” ผลงานที่ได้ก็ถือว่ามีความเนียน และเก็บรายละเอียดได้ดีเลยทีเดียว
นอกจาก 2 ฟีเจอร์นี้ ทาง Adobe ก็ยังมีอีกหลายฟีเจอร์ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาอีกมากมาย อาทิ
Personalized Results – สร้างสรรค์รูปภาพโดยอิงจากไฟล์องค์ประกอบต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ต้องการมาประมวลผลให้รวมอยู่ในภาพเดียว
Text to Vector – เปลี่ยนข้อความให้กลายเป็นเวกเตอร์ที่สามารถปรับแต่งแก้ไขได้
Text to Pattern – สร้างสรรค์ลวดลายในรูปแบบแพทเทิร์นจากคำสั่งข้อความ
Text to Brush – สร้างสรรค์ Brush จากข้อความเพื่อนำไปใช้ในโปรแกรม Photoshop และ Fresco
Sketch to Image – สเก็ตช์โครงภาพแบบง่ายๆ แล้วนำไปให้ AI จบงานแบบมืออาชีพ
Text to Template – สร้างสรรค์เทมเพลตที่สามารถแก้ไขได้จากคำสั่งข้อความ เช่น การ์ด โปสเตอร์
โดยสรุป ถึงแม้ในตอนนี้จะยังเป็นเวอร์ชั่น Beta ไม่ใช่ตัวสมบูรณ์ แต่ Adobe ก็สามารถออกแบบ Firefly ให้เหนือกว่าคู่แข่งในท้องตลาดทั้งในแง่คุณภาพของผลงาน ความสะดวกในการใช้งาน การคำนึงถึงหลักจริยธรรมที่ไม่เอาเปรียบใคร และ Firefly ก็กำลังเข้าถึงฐานผู้ใช้ของ Adobe ที่มีอยู่หลายล้านคน จึงนับว่าเป็นความก้าวหน้าของวงการนี้ และถือเป็นส่วนเสริมที่คุ้มค่าสำหรับการใช้ AI เชิงสร้างสรรค์