ในบทความนี้จะมาพูดถึงเมาส์เกมมิ่ง Pulsar แบรนด์ใหม่จากเกาหลีสั้นๆ รวมถึงรีวิวเมาส์ไร้สายตัวเก่าและตัวล่าสุดให้ได้รู้จักกันด้วยครับ
Pulsar เป็นแบรนด์ใหม่จากเกาหลี น้องใหม่ที่มาพร้อมกับคุณภาพดีในราคาถูก ที่กระโดดเข้ามาในตลาดเกมมิ่งเกียร์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่บุคลากรภายในแบรนด์คร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรมเกมมิ่งและเกมมิ่งเกียร์กว่า 10 ปี ทำให้มีประสบการณ์และความรู้มากพอที่จะพัฒนาแบรนด์ของตัวเองได้ ซึ่งนอกจากเขาจะทำเมาส์เกมมิ่งแล้วยังทำสินค้าอื่นๆอย่าง แผ่นรองเมาส์ เมาส์ฟีต และคีย์บอร์ดด้วยครับ
สเปค
● ขนาดสำหรับ Xlite V2 122.66 X 66.16 X 42 mm
● ขนาดสำหรับ Xlite V2 mini 117 X 64 X 40 mm
● น้ำหนักสำหรับ XliteV2: 59 กรัม
● น้ำหนักสำหรับ Xlite V2 Mini : 55 กรัม
● Sensor Paw 3370
● 400 IPS
● 50 - 20000 DPI
● 1000Hz / 1ms Polling rate
● 32 Bit ARM Processor
● 5 ปุ่ม
● Ergonomic Right Hand
● Kailh GM 8.0 Switch
● ใช้งานได้ 70 ชั่วโมง
เมาส์เกมมิ่ง เมาส์ไร้สาย ตัวใหม่ ที่พัฒนามาจาก Pulsar Xliteรุ่นแรก ที่ได้ลดน้ำหนักให้เบาลง วางเลย์เอาท์ของวงจรให้น้ำหนักบาลานซ์กันมากขึ้นจากตัวก่อนที่เมาส์จะหน่วงประมาณด้านบน เปลี่ยนให้หน่วงบริเวณกลางเมาส์ และนอกจากนี้จาก Pulsar Xlite ได้ฟีดแบ็คกลับมาว่าบริเวณด้านข้างนิ้วโป้งขวาในตำแหน่งจับซึ่งมีลักษณะเป็นรูๆ ทำให้จับไม่ถนัดมือ ในรุ่นใหม่เขาจึงได้ดีไซน์ใหม่ให้เป็นผิวเรียบไม่มีร่องหรือรูอีก
โดยทั่วไปแล้วเมาส์เกมมิ่งจะมีทรงหลัก ๆ อยู่ 2 แบบก็คือ เมาส์ทรงสมมาตร ที่จับได้ทั้งสองมือ อย่าง Logitech GPro X Superlight แต่ Pulsar Xlite V2 ได้ออกแบบมาสำหรับคนถนัดมือขวา ในรูปแบบ Ergonomic Right Hand คนที่ใช้เคยใช้เมาส์ทรงมือขวามาก่อนหน้านั้นอาจจะไม่ต้องปรับตัวอะไรมากครับ แต่คนที่ไม่เคยใช้อาจจะต้องปรับตัวนิดนึงสำหรับเมาส์ทรงนี้ และก็อีกอย่างนึงคือ Pulsar Xlite V2 เป็นเมาส์ที่ทรงค่อนข้างที่จะสูง ใครที่จับเมาส์แบบ Palm Grip ก็จะเต็มมือและรู้สึกธรรมชาติมาก ๆ เพราะมันสูงและรองรับอุ้งมือเรา แต่ใครที่มองว่า Xlite V2ใหญ่ไป แล้วไม่ได้จับเมาส์แบบ Palm grip ผมแนะนำให้ไปตัว XliteV2 mini ครับ สเปคเหมือกันเลยต่างกันเพียงที่ขนาดและน้ำหนักที่เบากว่าครับ และสองรุ่นนี้ต่างกันยังไงบ้าง ผมจะพูดต่อในหัวข้อต่อไปครับ
สิ่งแรกที่ต้องบอกคือ "สเปคเหมือนกันทุกประการ" แต่สิ่งที่ต่างกันคือ "น้ำหนัก" และ "ขนาด"
Xlite V2 น้ำหนักอยู่ที่ 59 กรัม ส่วน Xlite V2 Mini น้ำหนักอยู่ที่ 55 กรัมเท่านั้น ขนาดที่ต่างกันดูจากรูปได้ครับ ซึ่งความต่างของขนาดนี่ครับ จะส่งผลต่อการเลือกของเราเช่นเดียวกัน เพราะในการเลือกขนาดอาจจะสังเกตจากตัวเราเองว่าจับเมาส์สไตล์ไหน ชอบเมาส์ประมาณไหน เหมือนว่า Pulsar XliteV2 เขาทำมา 2 ขนาดสำหรับคนมือเล็กกับคนมือใหญ่หรือในสไตล์ที่แตกต่างกันนั้นเองครับ ส่วนเรื่องน้ำหนัก ผมมองว่าเอาไว้ทีหลักดีกว่าเพราะ ต่างกันเพียง 4 กรัมอาจจะไม่ได้ส่งผลขนาดนั้น แต่ที่จะส่งผลกับเราจริง ๆ ผมมองว่าเป็นเรื่องการใช้งานและความถนัดมือในการจับเมาส์มากกว่าครับ
สเปค
● สำหรับ X2 ขนาด : 120 X 63 X 38 mm และน้ำหนักที่ 56 กรัม
● สำหรับ X2 Mini ขนาด : 116 X 61 X 37 และน้ำหนักที่ 52 กรัม
● PAW 3395
● 26000DPI
● 650 IPS
● 1000Hz Polling rate
● Symmetrical
● Kailg GM 8.0
● ใช้งานได้ 70 ชั่วโมง
จากกระแสตอบรับที่ดีของ Pulsar Xlite V2 ทำให้เมาส์รุ่น X2 ตัวนี้ถูกปล่อยมาด้วยจุดเด่นที่น้ำหนักเบาเพียงมากและดีไซน์แบบใหม่ของทาง Pulsar จากสเปคคร่าว ๆ ด้านบน ผมจะมาพูดถึงจุดเด่นที่ต่างจากรุ่น Xlite V2 ยังไงและมีอะไรน่าสนใจบ้างครับ
● รูปทรงเมาส์
สิ่งที่ต่างกันคือ X2 ทำมาในทรงของเมาส์สมมาตร ส่วน Xlite V2 ทำมาในทรงมือขวา ซึ่งแน่นอนครับใครถนัดแบบไหนก็เลือกแบบนั้นตามสรีระมือเลยครับ ผมอาจจะไม่แนะนำอะไรได้มาก เพราะมันขึ้นอยู่กับความถนัดและสไตล์การจับเมาส์ของแต่ละคนครับ ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ต่างกันแค่ขนาดครับ
● ดีไซน์และผิวสัมผัส
ใครที่ชอบเมาส์สไตล์มินิมอล นี่อาจจะเป็น 1 ในเมาส์ไร้สายที่คุณชอบ แต่ผมมองไปสักพักทันทำให้ผมแอบนึกถึง Logitech G ProX Superlight ที่หน้าตาคล้าย ๆ กัน ผิวสัมผัสเมาส์ค่อนข้างสากแต่ลื่นมือสักเล็กน้อย ตรงนี้ใครที่อยากให้เมาส์มันหนึบติดมือมาก ๆ อาจจะซื้อกริปเทปมาติดเพิ่มก็ช่วยได้ครับ
● น้ำหนักเมาส์
รุ่นนี้เบากว่ารุ่นก่อนอย่าง XliteV2 ถึงประมาณ 5 กรัม ซึ่งรุ่น X2 น้ำหนักอยู่ที่ 56 กรัม และรุ่น X2 Mini น้ำหนักอนู่ที่ 52 กรัม สายเมาส์เบาอาจจะเป็นที่จับตามองแน่นอนครับ
● อื่น ๆ PTFE ปุ่มกด เซนเซอร์ ดีมั้ย ?
ผมพูดถึงเรื่องเซนเซอร์ก่อน ผมว่าเมาส์ราคาประมาณ 2000-5000 ความสามารถไม่ต่างกันหรืออาจจะต่างกันแต่ไม่ได้เห็นผลขนาดนั้น เหมือน ๆ กันกับ Xlite V2 เลยครับ เพียงแต่เขามีเทคโนโล Motion Sync ที่ช่วยในการเคลื่อนเมาส์ ส่วนฟีดเมาส์ก็ตามสไตล์ Stock PTFE ที่ไม่ได้ลื่นมาก เหมาะกับเมาส์เบา ๆ และใช้กับแผ่นรองเมาส์คอนโทรลกำลังดี เบรกอยู่แน่นอน และส่วนสุดท้ายเรื่องปุ่มกดที่เสียงผมว่ากลาง ๆ ไม่ได้ดังมาก
เหมาะกับคนชอบเมาส์ทรงสมมาตร หรือใช้เมาส์มือซ้าย เมาส์ค่อนข้างเล็กและสั้น และทางแบรนด์ก็แจ้งไว้แล้วว่าเมาส์กับการจับเมาส์สไตล์ Claw Grip และ Finger tip Grip ถ้าสงสัยว่าการจับเมาส์มีกี่แบบ? เราเป็นแบบไหน...สามารถอ่านได้ ที่นี่ เลยครับ
โดยสรุปคือ คนชอบสไตล์ เมาส์มินิมอล, เมาส์ทรงสมมาตร จับได้ทั้งสองมือและสไตล์การจับแบบ Claw หรือ Finger tip ครับ
อย่างแรก สิ่งที่แตกต่างกัน คือ รูปทรง เมาส์ทรงมือขวา กับเมาส์ทรงสมมาตร อันนี้ก็แบ่งได้เลยระดับนึงครับ เพราะว่ารูปทรงของเมาส์ก็อาจจะทรงผลต่อการจับเมาส์ได้ด้วย ผมว่า Xlite V2 เหมาะกับคนมือขวาที่จับแบบ Palm มากกว่าครับ แต่ก็ต้องเป็นขนาดที่พอดีมือด้วยครับ ส่วน X2 นี่เมาส์มันทรงสั้นนิดนึงและแบรนด์ก็แนะนำแล้วให้จับแบบ Claw หรือแบบ Finger tip ครับ
อย่างที่สองคือ สิ่งที่แตกต่างกัน คือ งานดีไซน์ X2 เรียบมาก มินิมอลมาก และก็ไม่ได้ถูกเจาะรูเพื่อลดน้ำหนักอย่าง XliteV2 อีกด้วย
นอกจากนี้ สิ่งที่แตกต่างกันอีกอย่างก็คือราคา X2 มาที่ราคา 4,590 บาท ส่วน XliteV2 มาที่ราคา 3,290 บาท ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละท่านแล้วครับผม
ก็จบไปแล้วครับสำหรับบทความนี้ ผมได้ทำรีวิวสั้น ๆ ทั้งสองตัวที่ปน ๆ กันไป เปรียบเทียบไปในตัว หวังว่าคนที่ลังเลระหว่างเมาส์ 2 ตัวนี้ อาจจะได้คำตอบว่าควรจะเลือกเสียงเมาส์ตัวไหนกันนะครับ หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใด ทางผู้เขียนขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วย สำหรับบทความหน้าจะพูดถึงเรื่องอะไร รีวิวอะไรอีก ฝากติดตามเรา Utech ด้วยนะครับ สำหรับบทความนี้ สวัสดีครับ